วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

Kusatsu Onsen ในวันหิมะที่โปรยปรายฉบับ Day Trip

     ...คราวที่แล้วเราพาเพื่อนๆไปแช่ออนเซ็นแบบฟินๆท่ามกลางหิมะฟูๆในหุบเขาลึกที่ Takaragawa Onsen กันไปแล้ว ยังไม่พอค่ะ เราอยากให้เพื่อนๆฟินกันให้เต็มที่เพราะวันนี้จะพาไปเที่ยว Kusatsu Onsen หนึ่งในสามออนเซ็นชื่อดังของเมืองปลาดิบที่จ.กุนมะ นั่นเองค่ะ



ในส่วนของการเดินทางนั้นเพื่อนๆ สามารถเลือกได้ 3 เส้นทางหลักและ 1 เส้นทางพิเศษดังนี้ค่ะ

เส้นทางที่ 1 Ueno - Takasaki - Kusatsu


     จากสถานีรถไฟเจอาร์อุเอโนะ นั่ง Limited Express Train Kusatsu ลงสถานีรถไฟเจอาร์ทาคาซากิ (Takasaki) แล้วต่อด้วยรถไฟท้องถิ่นขบวน JR Takasaki Line/ JR Agatsuma Line ลงสถานี Naganohara-Kusatsuguchi แล้วเปลี่ยนมานั่งรถบัสปลายทาง Kusatsu Onsen ลง Kusatsu Onsen Busterminal ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลารวมประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายต่อ 1 รอบคิดเป็น 5,970 เยน

หมายเหตุ : เส้นทางนี้ให้บริการ 3 เที่ยวเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันเสาร์เท่านั้น และให้บริการ 2 เที่ยวในวันธรรมดา

เส้นทางที่ 2 Tokyo - Karuizawa – Kusatsu 
     จากสถานีรถไฟเจอาร์โตเกียวนั่ง Hokuriku Shinkansan ลงสถานี Karuizawa แล้วต่อด้วยรถบัสของ Seibu ลงที่ Kusatsu Onsen เส้นทางนี้ใช้เวลา 2.30-3.00 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายต่อ 1 รอบ ราวๆ 8,000- 9000 กว่าเยนขึ้นอยู่กับฤดูกาล หรือหากนั่งบัสของ Kusakasu Transport รวมแล้วจะอยู่ที่ 8,110 เยน
หมายเหตุ : เส้นทางนี้จะมีรถบัสให้บริการน้อยกว่าจึงเหมาะกับผู้ที่พักอยู่ที่ Karuizawa แล้วไปเที่ยวต่อที่ Kusatsu Onsen ค่ะ

เส้นทางที่ 3 Expressway Bus
     จาก Shinjuku Nishi-guchi Bus Terminal นั่ง Expressway bus ใช้เวลา 4 ชั่วโมงนิดก็จะถึง Kusatsu Onsen ค่าโดยสารต่อรอบ 3,290 เยน เหมาะสำหรับคนมีเวลา ไม่ชอบการต่อรถค่ะ
แต่สำหรับเรานั้นทั้ง 3 เส้นทางที่บอกไปข้างต้นมันไม่ใช่วิถีทางของเราเลยดังนั้น เราจึงใช้บริการรูทนี้ค่ะ อย่างที่เราเคยบอกว่าเราพักอยู่ย่าน Ikebukuro เราจึงใช้สถานีรถไฟเจอาร์เป็นฐานในการเดินทางไปที่ต่างๆจึงได้เส้นทางนี้ขึ้นมาค่ะ ทั้งนี้ เพื่อนๆสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานีหลักที่เพื่อนใช้กันนะคะ และอย่าลืมใช้ Hyperdia ด้วยค่ะ

เส้นทางพิเศษ Ikebukuro – Takasaki – Kusatsu Onsen

...เช้าวันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม วันเกือบสุดท้ายของปี 2561 ที่โตเกียวอากาศดีมากท่ามกลางแสงแดดจ้า แม้อุณภูมิจะเหลือเพียงเลขตัวเดียวแต่ก็ไม่ทำให้เราสั่นสะท้านเพราะเราอัดเสื้อผ้าไปถึง 3 ชั้น!!
   10.41 น. จากสถานีรถไฟเจอาร์อิเคบุคุโระ นั่ง JR Shonan-Shinjuku Line (Via Utsunomiya Line) for Utsunomiya ลงสถานีรถไฟเจอาร์ Omiya (Saitama) แล้วนั่ง Shinkansen Toki 363 ลงสถานี Takasaki เวลา 11.45 น. แล้วเดินไปหาตั๋วสำหรับไป Naganohara-Kusatsuguchi และโชคดีมากที่จนท.สามารถหาตั๋วรถไฟขบวน Limited ให้เราได้จากแต่เดิมแพลนที่จะนั่งรถไฟท้องถิ่นค่ะ ดังนั้นเราจึงได้ใช้บริการ 

Limited Express ขบวน Kusatsu No. 83 รอบ 12.33 ลงสถานีปลายทาง Naganohara-Kusatsuguchi เวลา 13.43 แล้วต่อด้วยเจอาร์บัสปลายทาง Kusatsu Onsen ลง Kusatsu Onsen Busterminal ใช้เวลา 2.23 ชั่วโมงค่าใช้จ่ายต่อ 1 รอบคิดเป็น 8,690 เยน
ณ ชานชาลาสถานีรถไฟทาคาซากิ


      ดูเหมือนจะยุ่งยากเพราะต้องต่อรถถึง 4 ครั้งแต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ยากเลยค่ะ และถ้าเทียบกับเวลาที่ใช้ในการเดินทางสำหรับการไป Day Trip ของเราก็ถือเป็นตัวเลือกที่เราแฮปปี้ที่สุดแล้วแม้ว่าเราจะต้องยืนบ้างก็ตาม ทำไงได้ละคะ เพราะช่วงที่เราไปตรงกับวันหยุดส่งท้ายปีเก่า ขบวนรถเต็มหมด และเราเองก็ไม่อยากเร่งรีบที่ต้องขึ้นรถขบวนเช้าตรู่แต่แลกกับการนอนน้อยมันจึงออกมาเป็นแบบนี้ละคะ
เราขึ้นขบวนนี้

เติมพลังด้วยข้าวกล่องรถไฟ

     ทั้งนี้ เกือบทุกเส้นทางที่เราบอกมาสามารถใช้ JR Tokyo Wide Pass 3 วันต่อเนื่องราคา 10,000 เยนแบบเราได้เลยนะคะ แต่จะต้องจ่ายเงินสดสำหรับขึ้นรถบัสเพราะพาสนี้ไม่ครอบคลุม เช่นเดียวกับเส้นทาง Express Way ที่ใช้พาสนี้ไม่ได้เช่นกันค่ะ เพื่อนสะดวกแบบไหนเลือกได้ตามอำเภอใจเลยน๊าๆๆ

     แถมอีกนิดค่ะ สำหรับเพื่อนๆที่คิดจะไปช่วงเทศกาลวันหยุดเหมือนเราไม่ต้องกังวลเรื่องรถบัสไม่พอนะคะ เพราะทาง JR Kanto Bus เตรียมมาไว้อย่างจัดเต็มเลยค่ะ เพราะรอบที่เราไปถึงมีรถบัสมาวิ่งเกือบ 10 คันและทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั้นคือ Kusatsu Onsen นั้นเองค่ะ ตอนไปขึ้นรถก็เดินตามกันไปเลยค่ะซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มาชูป้ายบอกนะคะ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ
ด้านหน้า Kusatsu Onsen Bus Terminal

     ร่ายยาวเรื่องการเดินทางกันมาเยอะละ ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วค่ะ ฮือๆๆๆๆ ดีใจน้ำตาไหลพราก เมืองที่อยากไปมานานไหนที่สุดพี่ก็มาถึงซะทีเน๊าะ และเราก็เจอความใจดีของคนที่นี่ด้วยค่ะ เพราะระหว่างทางที่เราเดินจาก Bus Terminal มาที่จุดกำเนิดออนเซ็นของเมืองนี้ “Yutabake” บ่อน้ำร้อนสีมรกต เราทำถุงมือหล่นโดยไม่รู้ตัวก็ได้คุณลุงคนนึงตะโกนบอก และคุณลุงอีกคนที่กำลังขะมักขะเม้นกับการตักหิมะถือถุงมือวิ่งตามมาให้ค่ะ ซึ่งไม่งั้นเราต้องแย่แน่ๆเลย เพราะมันหนาวมากๆๆๆๆ หิมะตกตลอดเวลา

 มาถึงจริงแล้วนะจ้ะ



      






  
     ออนเซ็นที่นี่มีแร่ธาตุสูง มีค่าความเป็นกรดอยู่ราวๆ Ph 2.1ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ตามร่างกายและช่วยบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดีโดยทุกโรงแรมที่นี่จะต่อท่อจากบ่อน้ำร้อน Yutabake ไปให้บริการผู้เข้าพัก แต่ถ้าไม่ได้พักก็สามารถใช้บริการโรงอาบน้ำสาธารณะได้ หรือจะลองแช่ออนเซ็นเท้าบริเวณ Yutabake ดูก็ได้ค่ะ



     และนอกจากเราจะดื่มด่ำกับการเดินชม Yutabake แล้ว เรายังสามารถซื้อบัตรเข้าชม “ยุโมมิ” วัฒนธรรมการคนน้ำออนเซ็นที่สืบทอดกันมาเป็นร้อยปีที่อาคารๆตั้งอยู่เยื้องกับยุตาบาเกะนั่นเองค่ะ การคนน้ำที่นี่จะช่วยลดอุณหภูมิที่สูงถึง 50 องศาให้ลดลงมาจนคนสามารถแช่ได้ โดยใช้แผ่นไม้กว้าง 30 ซม. ยาว 180 ซม ระหว่างที่คนก็จะมีการร้องเพลงประกอบ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆเข้าไปทดลองคนน้ำได้ด้วยแถมยังได้รับประกาศนียบัตรกลับไปด้วยละคะ แต่เราอดเพราะไปต่อคิวไม่ทันนั้นเองซึ่งแต่ละวันการแสดงจะมีไม่กี่รอบและแต่ละรอบจะใช้เวลาเข้าชมราว 30 นาทีค่ะ






     เราใช้เวลาดื่มด่ำแค่ที่ Yutabake และเข้าชมยุโมมิก็หมดเวลาไป 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับมาขึ้นรถบัสรอบ 5 โมงเพื่อมุ่งหน้ากลับโตเกียวแล้วไปดู Illumination กันต่อค่ะ







     ขากลับเราใช้เส้นทางเดิมแต่นั่งรถไฟท้องถิ่นแทน Limited ที่ไม่มีให้บริการในช่วงเวลานั้นแล้วค่ะ ซึ่งการต่อรถไม่ยุ่งยากเลยนะคะ ถ้าเพื่อนๆสงสัยเรื่องการเดินทางสามารถสอบถามเข้ามาได้เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านรีวิวของเรามาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ ไว้เจอกันใหม่คร๊าๆๆๆ






วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2562

Takaragawa Onsen พาไปแช่ออนเซ็นในฝัน ฉบับ Day Trip

     มาแล้วคร๊า มาแล้วววววววว...วันนี้เราจะพาไปแช่ออนเซ็นในตำนาน ออนเซ็นที่บอกได้เลยว่ามันเป็นสุดยอดออนเซ็นในฝันของเราเลยก็ว่าได้ น้านนนนคิดว่าฝนโม้ละซิ^^+

     เจ้าออนเซ็นที่ว่านี้ก็คือ “Takaragawa Onsen” แห่งเมืองมินาคามิ จ.กุนมะ นั้นเองคร๊าาาาาา...ที่บอกว่าเป็นออนเซ็นในฝันของเรานั้นเพราะว่าระหว่างที่หาข้อมูลสำหรับทำทริปท่องเที่ยวก็ได้ไปเจอออนเซ็นแห่งนี้เมื่อหลายปีมาละ และก็ตกหลุมรักจากภาพถ่ายและเฝ้าบอกตัวเองว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะต้องไปแช่ออนเซ็นที่นี่ให้ได้ ออนเซ็นบ้าอะไรวะโครตจะโรแมนติกช่วงใบไม้เปลี่ยนสีบรรยากาศก็สุดแสนจะดีหรือจะช่วงหน้าหนาวหิมะตกปกคลุมไปทุกพื้นที่ บ่อแช่ออนเซ็นที่นี่มันก็ยังสวย มีเสน่ห์มากๆ การได้แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะโปรยปรายนี่มันคือดีจนไม่รู้จะบอกยังไงละคะ

     และเมื่อช่วงวันส่งท้ายปี 2018 เราก็ได้มีโอกาสไปแช่ออนเซ็นแห่งนี้ละคร๊าาาา....ฝันเป็นที่เป็นจริงแล้วจ้าๆๆๆๆ เว่อร์เนอะ 555++



     ...อันที่จริงก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วเรามีทริปเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่ญี่ปุ่น 2016-2017 เราพยายามจองที่พักที่นี่ผ่านเอเจนซี่แต่ก็จองไม่ได้ แม้กระทั่งผ่านเว็บไซต์ของทาคาระกะวาก็ยังไม่ได้ เราเลยตัดสินใจส่งอีเมลไปสอบถามที่นี่เลยค่ะ ว่าทำไมฝนจองไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า เขารับผู้เข้าพักตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ไม่รับมาเดี่ยว คือบอกเลยตอนนั้นเสียใจมาก เราอยากพักที่นี่จริงๆ เราชอบทัศนียภาพของที่นี่มันพอเหมาะ พอดีมากๆๆๆ มากจนทำให้เราปรารถนาที่จะมาให้ได้...

     และในที่สุดโอกาสสานฝันของฝนให้เป็นจริงก็มาถึงละคะ เมื่อทาคาระกะวา ออนเซ็น เปิดให้บริการแช่ออนเซ็นแบบ Day Trip เมื่อไม่นานมานี้โดยไม่ต้องค้างคืนที่นี่ก็สามารถมาแช่ออนเซ็นที่โรงแรมได้แล้วจ้าาาาา จุดพลุฉลอง เย้ๆๆๆ


     อารัมภบทมาเยอะละเดี๋ยวจะโดนเพื่อนๆบ่นว่าไอ้ฝนร่ายเยอะจัง มาค่ะ...ไปดูกันดีกว่าว่าเราจะเดินทางมาที่นี่ได้ยังไง

     ทริปญี่ปุ่นที่ผ่านมาฝนพักย่าน Ikebukuro (อิเคะบุคุโระ) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสถานีรถไฟเจอาร์โตเกียว โดยสถานีเจอาร์อิเคะบุคุโระเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟหลักของกรุงโตเกียว นอกเหนือจากสถานีโตเกียว สถานีอุเอโนะ สถานีชินจุกุ สถานีชินนากาวา ดังนั้นจึงค่อนข้างสะดวกในการเดินทางไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ เพราะเป็นสถานีใหญ่เปรียบเสมือนสถานีชุมทางรถไฟในบ้านเราค่ะ ดังนั้น เราจะไม่ย้อนกลับไปนั่งรถไฟที่สถานีโตเกียวกันนะคะ


     เช้าวันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม 2561 ณ สถานีรถไฟเจอาร์อิเคะบุคุโระ เวลา 08.33 น. หลังซื้อ JR Tokyo Wide Pass 3 Days สำหรับเดินทางต่อเนื่อง 3 วันมาอยู่ในมือในราคา 10,000 เยน ซึ่งสามารถซื้อที่สนามบินนาริตะ หรือที่สถานีรถไฟเจอาร์ที่มีศูนย์บริการเช่นที่สถานีอิเคะบุคุโระ เรานั่งรถไฟขบวน JR Shonan - Shinjuku line (via Takasaki) for Kagohara ลงสถานีรถไฟเจอาร์โอมิยะ (Omiya) แล้วเปลี่ยนนั่งรถไฟชินคังเซนขบวน Max Toki 309 ลงสถานี Jomo- Kogen เวลา 10.05 น.
     
     แต่ถ้านั่งจากสถานีรถไฟเจอาร์โตเกียวก็นั่งชินคังเซ็นต่อเดียวยาวๆลงสถานี Jomo-Kogen ได้เลยนะคะ ขบวนเดียวกับที่ฝนนั่งมาเลยค่ะ

     จากนั้นเดินไปศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยว ( Tourist Information) ภายในสถานีเพื่อซื้อ Minakami Area Pass 3 Days ราคา 2,000 เยน สำหรับใช้บริการรถบัสประจำทางในพื้นที่เมืองมินาคามิได้ 3 วันค่ะ ซึ่งพาสนี้ถือว่าคุ้มมากๆ เพราะแค่ค่ารถบัสเที่ยวเดียวไปทาคาระกะวาออนเซ็นก็เกือบ 2,000 เยนแล้วค่ะ ฉะนั้นใช้พาสนี้แค่เพียงวันเดียวก็ยังจัดว่าคุ้มนะคะ

     แต่วันนั้นเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถซื้อพาสที่นี่ได้แต่ทางศูนย์ก็ติดป้ายบอกว่าสามารถหาซื้อพาสได้ที่ Minakami Tourism Association ที่ตั้งอยู่ด้านนอกสถานีทางด้านซ้ายมือ...ไม่รอช้าเรารีบเดินเข้าไปในตัวอาคารแล้วติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอซื้อพาสค่ะ เพราะกลัวไม่ทันรถบัสเที่ยวแรกรอบ 10.20 น.ปลายทาง Tanigawadake Ropeway ที่จะไปส่งเราที่สถานีรถไฟเจอาร์มินาคามิในเวลา 10.45 น. แล้วต่อรถบัสอีกสายปลายทางสถานี Yunokoya เวลา 10.49 น. ซึ่งรถบัสสายนี้จะไปจอดที่ป้ายโรงแรมทาคาระกะวาค่ะ 


     สำหรับ Minakami Area Pass เจ้าหน้าที่จะสอบถามวันที่เริ่มใช้และทำการ Valid พาสวันที่เริ่มใช้ให้เลยค่ะ


     ที่ศูนย์นี้มีบริการรับฝากกระเป๋าราคา 500 เยนต่อกระเป๋า 1 ใบด้วยนะคะ ฝากได้ตั้งแต่ 08.30 น.-17.30 น.

     เมื่อได้พาสเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบเดินมาที่ป้ายหมายเลข 1 ซึ่งขณะนี้มีรถบัสประจำทางมาจอดแล้วเรียบร้อยจากตอนแรกที่ออกไปซื้อพาสยังไม่มาจอดค่ะ ฝนขึ้นประตูด้านหลังนะคะเพราะด้านหน้าเป็นทางลงเท่านั้น ตอนขึ้นอย่าลืมหยิบตั๋วจากเครื่องที่อยู่ทางด้านขวามือด้วยนะคะ เวลาลงก็แสดงพาสให้พนักงานขับรถดูแทนค่ะ

     รถบัสท้องถิ่นที่ไปออนเซ็นมีเพียง 2 เที่ยวต่อวันซึ่งเป็นของ Kan - Estu ดังนั้นเพื่อนๆต้องวางแผนการเดินทางดีๆ ไม่งั้นอาจจะพลาดได้ค่ะ ซึ่งรถบัสมีเพียง 2 รอบต่อวันเท่านั้นที่จะสามารถต่อรถบัสอีกคันไปถึงทาคาระกะวาได้ รอบแรกเวลาดีสุดสามารถแช่ออนเซ็นได้นานที่สุดนะคะ ส่วนรอบ 2 เวลา 12.55 เพื่อนๆจะมีเวลาแช่น้อยมากๆ เพราะเราจะไปถึงออนเซ็นเวลา 14.08 และรถบัสรอบที่จะมารับกลับเที่ยวสุดท้ายในเวลา 16.40 ค่ะ

     รถบัสจะมาจอดหน้าสถานีมินาคามิและจอดข้างๆรถที่จะไปออนเซ็นป้าย No.4 ถามว่านั่งรถไฟเจอาร์มาลงที่นี่แล้วขึ้นรถบัสได้ไหม ตอบว่าได้ค่ะแต่เราอยากดูวิวรอบทางจากรถบัสมากกว่าจึงตัดสินใช้แผนนี้ค่ะ

     เราใช้เวลาเดินทางจากสถานี Jomo-Kogen จนถึงออนเซ็นรวมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมงนิดๆค่ะ รถบัสจะจอดที่หน้าโรงแรมและผู้โดยสารก็ลงกันเกือบหมดคันเลยค่ะ จากนั้นรีบเดินไปเข้าคิวชำระค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นบัตรผ่านเข้าออนเซ็นและผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ พร้อมชุดสำหรับใส่แช่ออนเซ็น รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 2,200 เยนค่ะ


ชำระค่าธรรมเนียมที่อาคารนี้นะคะ


ค่าใช้จ่ายสำหรับการแช่ออนเซ็น 1 ครั้ง


     เมื่อเข้าไปด้านในจะมีล็อคเกอร์ให้เก็บของเสียค่าบริการ 100 เยน หรือหากไม่เก็บด้านบนจะเก็บที่อาคารด้านล่างก็ได้นะคะแต่จะมีน้อยกว่ามากๆ
   ส่วนอาคารด้านล่างจะมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแยกชายหญิง เข้าไปด้านในจะมีตระกร้าให้ใส่เสื้อผ้า มีกระจกและอ่างล่างหน้าให้ค่ะ เมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาที่ฝนรอคอยอย่างน้อยๆก็ 2 ปีที่จะมาแช่ออนเซ็นที่ทาคาระกะวาออนเซ็นค่ะ

     ที่นี่ให้เวลา 4 ชั่วโมงสำหรับแช่ออนเซ็นแบบ Day Trip นะคะ ตอนที่เราจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าหน้าที่จะถามเราว่ากลับรถบัสรอบกี่โมง แล้วก็จะโน้ตไว้ค่ะ

แต่ก่อนที่จะไปแช่ออนเซ็นเราก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย

ฝุ่น 2.5 หลบไป....พี่จะสูดอากาศสดชื่นที่นี่แป๊ปปปป

สูดอากาศเต็มปอดแล้วก็ไปกันต่อเลยคะ

เล่นหิมะหน่อยน๊าๆๆๆ...ฟูนิ่มมากๆๆๆๆๆ


ทางเดินลงไปบ่อแช่ออนเซ็น
   
     ตอนลงบ่อมันก็จะเขินๆ ค่ะ เอาจริงๆบอกเลยว่าเขินมากกกกกกเพราะเป็นการแช่ออนเซ็นกลางแจ้งแบบบ่อรวมครั้งแรกซึ่งวันที่ไปผู้ชายค่อนข้างเยอะกว่าผู้หญิงและส่วนใหญ่เขาก็ไปเป็นคู่ มากับเพื่อนๆกัน ส่วนตัวเรานั้นไปเป็นคี่ตลอดค่ะ ก็เลยจะโดนมองแบบงงๆว่า...เออ มีมาคนเดียวด้วยเว้ย ประมาณนี้
^^


     ป.ล. ที่นี่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปขณะแช่ออนเซ็นนะคะเพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของแขกท่านอื่นๆค่ะ ดังนั้นเราจะไม่มีรูปในบ่อมาฝากเพื่อนกันค่ะ ดูรูปอื่นกันไปแทนน๊าๆๆ

     ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เมื่อขาถึงบ่อก็เดินไปค่ะ ค่อยๆย่อตัวลงบ่อพร้อมกับสอดส่ายสายตาหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับตัวเองและในที่สุดพี่ก็เจอ วะ ฮะๆ หัวเราะในใจดังมาก มันคือบ่อเล็กด้านบนที่ต้องเดินฝ่าด้านข้างล่างขึ้นไปนั้นเองค่ะ

     บ่อนี้จะมีจุดปล่อยน้ำพุร้อนออกมาและมีโคมไฟหินตั้งอยู่ด้านบนค่ะ ซึ่งบ่อที่เราแช่นี้เป็นบ่อที่ใช้โปรโมทโรงแรมแห่งนี้เลยละคะ บ่อที่เราสะกดจิตตัวเองว่าต้องมาๆๆๆๆล้านแปดตลบ


     และก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ น้ำพุร้อนที่นี่ร้อนกำลังดีมากๆๆ แถมแช่อยู่ท่ามกลางหิมะกำลังโปรยปรายมันช่างเป็นการแช่ออนเซ็นในฝันจริงๆ อากาศดีมากแม้ว่าจะอยู่ราวๆ 1 องศาแต่ไม่รู้สึกว่าหนาวเลยค่ะ และเป็นการแช่ออนเซ็นได้นานที่สุดตั้งแต่เริ่มแช่ออนเซ็นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2554 (ย้อนไปไกลเลย) กันเลยทีเดียว

     มันสบายตัวมากๆ มากถึงมากที่สุด มันเป็นความเบาตัว ความผ่อนคลายที่แท้ทรู คือไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายแล้วละ...อยากให้เพื่อนไปลองดูแล้วมาพิสูจน์กันซิว่ามันจริงอย่างที่เราบอกรึเปล่า


แช่ออนเซ็นแล้ว...หน้าก็จะบานประมาณนี้

Bluefono is Happy



ถ้าหิมะตกหนาๆ ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเอาออกแบบนี้เลยค่ะ เดี๋ยวจะท่วมทางเดินซะก่อน
ส่วนนี่คือรถตักหิมะ



     หลังจากแช่ออนเซ็นเสร็จแล้วใครหิวที่นี่มีบริการอาหารด้วยนะคะ ราคาปกติ และถ้าใครหิวน้ำมีชาจากข้าวบาร์เลย์และน้ำเปล่าบริการฟรีค่ะ ร้านอาหารนี่ก็มีวิวคือลำธารด้านล่างและภูเขาที่อยู่ฝั่งข้ามนั่นเองค่ะ นั่งมองหิมะขาวๆฟูๆ จิบชาอุ่นๆนี่มันโครตคูลที่สุดแล้วละคะ

โซนนั่งทานอาหารพร้อมชมวิวสวยๆ

เมนู๊ เมนู

โซนขายของที่ระลึกของร้าน


     เมื่อได้เวลารถบัสก็จะมาจอดรีบที่ป้ายหน้าโรงแรมที่เดิมที่เราลงนั้นเองค่ะ อย่าลืมรับตั๋วที่ประตูทางขึ้นด้านหลังด้วยนะคะ แม้ว่าเราจะใช้พาสก็ตามที


     รถบัสจะออกจากป้ายทาคาระกะวาออนเซ็นเวลา 14.52 น. แล้วมาส่งเราที่สถานีรถไฟมินาคามิเวลา 15.30 น. แล้วต่อรถบัสอีกคันเวลา 15.35 น. ไปลงสถานีรถไฟเจอาร์ Jomo-Kogen เพื่อนั่งชินคังเซ็นกลับโตเกียวค่ะ
     เราสรุปรวมค่ารถบัสที่เราต้องจ่ายแบบไป-กลับถ้าไม่ได้ใช้พาสเพราะมีชาวต่างชาติหลายคนจ่ายเงินสดค่ะ จากสถานีรถไฟ Jomo-Kogen ถึงสถานีรถไฟ Minakami 620 เยน จากสถานีรถไฟ Minakami - Takaragawa Onsen 1,250 เยน และนั่งรถขากลับในราคาเท่ากัน สุทธิต้องจ่ายค่ารถบัสไปทั้งหมด 2,490 เยน ดังนั้น Minakami Area Pass จึงตอบโจทย์สำหรับการเดินทางครั้งนี้ค่ะ


     หลังจากที่เรากลับมาถึงสถานีรถไฟเจอาร์ Jomo-Kogen แล้วเรายังไม่ได้ต่อรถกลับโตเกียวทันทีค่ะ แต่แวะชิมร้านคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ของชาวเมืองมินาคามิซะหน่อย ร้านนี้ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟค่ะ ชื่อว่าร้าน Minakami Zelt นั้นเองค่ะ แต่ก่อนจะแวะไปชิมก็ไปจองตั๋วขากลับโตเกียวไว้ก่อนค่ะจะได้คำนวนเวลาได้ถูกว่าจะสามารถใช้เวลาที่นี่ได้นานเท่าไหร่
     ภายในร้านจะตบแต่งแบบเรียบง่ายมีคุณลุงดูใจดี และพี่สาวคอยรับออเดอร์ค่ะ นอกจากนี้ในร้านยังมีสินค้าพื้นเมืองของที่นี่มาจำหน่ายด้วยนะคะ เราอุดหนุนมาเหมือนกันค่ะเป็นแผ่นไม้รูปม้าสำหรับวางจานหรือหม้อร้อนๆค่ะ
     เราสั่งมาทาน 2 อย่างเป็นชุดข้าว และพายแอปเปิ้ลมาลองชิมดูค่ะ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว ใครไปแถวนั้นไม่รีบแวะลองก่อนก็ได้นะคะ ฝนแนะนำค่ะ

ที่ร้านมีถุงโชคดีขายด้วยนะคะ

โซนขายของที่ระลึกของจังหวัดกุนมะค่ะ




สั่งอาหารที่คุณลุงได้เลยนะคะ เมนูภาษาอังกฤษติดอยู่ด้านหลังค่ะ



 หน้าตาอาหารของเรา รสชาติโอเคเลยละค่ะ พริกดองอร่อยเลอค่ามากๆๆๆๆ



เมื่อท้องอิ่มแล้วก็เดินทางกลับโตเกียวกันดีกว่าค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ บะบายยยยยยย