เสร็จเรื่องที่พักกันไปแล้วเรียบร้อย เพื่อนๆหลายคนคงอยากรู้เรื่องวีซ่าของอเมริกาบ้างแล้วใช่ไหมค่ะ มาค่ะล้อมวงกันเข้ามาฝนจะเหลาให้ฟังละน๊าๆๆ...
...เสียงลือเสียงเล่าอ้างของการขอวีซ่าอเมริกานั้นเป็นที่เลื่องลือในยุทธภพของไทยมากๆ มากจนกระทั่งมีใครหลายคนบอกว่าจะได้วีซ่าของที่นี่ต้องใช้ดวงเอา มีข้อสันนิษฐานไปต่างๆ นานา มาค่ะวันนี้ฝนจะพิสูจน์ให้ดูว่ามันต้องใช้ดวงจริงๆไหม ทั้งนี้ ฝนจะขอไม่เล่ารายละเอียดขั้นตอนการกรอกใบสมัครนะคะเพราะสามารถค้นหาได้ตามเวปต่างๆ แต่ถ้าเพื่อนๆคนไหนสงสัยก็สามารถสอบถามมาได้ค่ะ...
เริ่มกันเลยนะคะ...ค่าสมัครวีซ่าท่องเที่ยว B1/B2 ของที่นี่ 160 ดอลล่าห์ คิดเป็นเงินไทยในขณะนั้น 5,280 บาทค่ะ ซึ่งก่อนจะได้ใบไปชำระเงินก็ต้องกรอกใบสมัครที่เรียกกันว่า DS-160 กันก่อนค่ะ ซึ่งรายละเอียดในการกรอกจะแยกกันไปตามแต่อาชีพและเพศนะคะ ของฝนๆ เลือกประเภท Business ค่ะ คือหาแบบที่ระบุพนักงานเอกชนไม่เจอ จะมีแบบข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร มีหลายประเภทให้เลือกค่ะ ฝนเลือกอันนี้เพราะดูแล้วน่าจะเหมาะกับเราที่สุดค่ะ ซึ่งก่อนที่ฝนจะกรอกก็ได้ไปอ่านรีวิวจากหลายๆท่านก่อนนะคะ ใช้เป็นแนวทางได้ค่ะ แต่เราจะกรอกไม่เหมือนเขาทั้งหมดค่ะ ของอเมริกาสำหรับฝนแล้วไม่ยากและไม่ละเอียดเท่าตอนขอวีซ่าของที่อังกฤษค่ะ อันนั้นตอนกรอกใบสมัครฝนต้องใช้สรรพกำลังมหาศาล ใช้เวลานานมากต่างจากของอเมริกาเลยค่ะ ของที่นี่ฝนเองยังงงเลย ระบบไม่มีให้กรอกประวัติการเดินทางซึ่งบอกเลยรายละเอียดอันนี้ฝนพร้อมมากเพราะช่วงที่ผ่านมาเดินทางค่อนข้างเยอะแต่กลับไม่มีให้ฝนกรอกซะงั้น (แป้วเลยตรู)นี่ก็เลยตุ๋มๆต่อมๆ ตอนสัมภาษณ์มากเพราะสถานทูตจะรู้ได้ยังไงว่าใครเคยไปไม่ไปไหนมาบ้าง แล้วเขาจะวัดจากอะไรคิดไปไปไกลมากค่ะ...
...หลังจากที่เรากรอกใบสมัครเสร็จและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เราก็มาเลือกวันนัดสัมภาษณ์ในระบบกันค่ะ ตอนแรกฝนตั้งใจไว้กะจะไปสัมภาษณ์ช่วงปลายเดือน (กรอกต้นเดือน) แต่พอเข้าไปดูวันว่างในระบบแล้วกลับไม่มีเลยค่ะช่วงที่อยากได้ มีแต่อีก 2 เดือนข้างหน้าซึ่งสำหรับฝนมันไม่ทันแล้วแต่ฝนก็ยังไม่ตัดสินใจจองนะคะ รอจนกว่าระบบจะมีวันว่างที่เรารับได้ ในที่สุดก็ได้คิวนัดสัมภาษณ์สัปดาห์ถัดมาค่ะ....เร็วจนตกใจ 555++
1. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน หนังสือเดินทางเล่มเก่า พร้อมถ่ายสำเนา
2. หนังสือรับรองการทำงาน
3. Statement จากธนาคารที่มีบัญชีออมทรัพย์
4. ทะเบียนบ้าน
5. แผนการเดินทาง
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน
7. ใบจองที่พักต่างๆ ที่ระบุชื่อเรา
8. ประกันการเดินทาง
![]() |
| แผนที่สถานทูตอเมริกา |
เมื่อถึงคิวเราก็ยื่นใบคอนเฟิร์มพร้อมแนบรูปถ่ายให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะขีดรายชื่อของเราเอาว่ามาแล้วซึ่งที่เราเห็นเหมือนเราจะเป็นคนสุดท้ายที่เช็คชื่อในช่วงเวลานั้นเลยค่ะ จากนั้นก็เดินผ่านรปภ.ที่ตรวจสอบด้านแรกก่อนเดินไปผ่านเครื่องสแกนร่างกายข้างใน ส่วนไอแพด ขวดน้ำดื่ม ร่มพับ กระเป๋าเป้สะพายหลังใบโตเข้าไม่ได้นะคะ โทรศัพท์เข้าไปได้เครื่องเดียวค่ะแต่ก็ต้องฝากไว้ที่ด้านใน แต่บางอย่างก็รับฝากไม่ได้ เพื่อนสามารถไปใช้บริการรับฝากที่คุณลุงที่จะมาเปิดโต๊ะรับฝากของห่างจากสถานทูตประมาณไม่เกิน 100 เมตร โดยคิดค่าบริการชิ้นละ 100 บาทค่ะ แต่ฝนไม่ได้ใช้บริการนะเออแบบว่าเตรียมตัวไปดี ^^+และที่สำคัญอย่าลืมนำปากกาไปจดเลขที่ EMS สำหรับติดตามการจัดส่งพาสปอร์ตด้วยค่ะ (หากวีซ่าผ่าน)
...หลังผ่านจุดสแกนแล้ว เปิดประตูที่โครตหนักแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปนั่งรอที่ม้านั่งค่ะ และด้วยความที่มาจะเป็นคนสุดท้ายของรอบก็จะงงนิดนึง 555++ เอาง่ายๆเด๋ออะคะบอกเลย นั้งไปแป๊ปนึงก็งงเพราะมันถึงเวลารอบของเราแล้ว ยังไงไม่เห็นเรียก นี่ก็ลุกเลยจ้า เดินไปสอบถามเจ้าหน้าที่อยู่ในล็อคทางด้านซ้ายมือว่ารอบของเราเรียกไปหรือยัง เจ้าหน้าที่คนไทยก็ตอบค่ะว่า รอก่อนนะคะ ยังไม่เรียกค่ะ ก็เลยเดินกลับมานั่งที่ค่ะ สักพักเจ้าหน้าที่ก็ประกาศเรียกตรวจเอาใบ DS-160 ใส่แฟ้มพร้อมกับพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน และให้เลขที่ EMS มาค่ะ
จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อเข้าคิวสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ พอเปิดประตูเข้าไปปุ๊บก็จะงงๆอยู่หน่อยๆค่ะ แม้จะอ่านรีวิวจากคนที่เคยมาสัมภาษณ์แล้ว แต่ก็อย่างว่านะคะ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็นไม่ว่าจะอะไรก็ตามสู้มาดูมารู้มาเห็นด้วยตาของตนเองจะดีที่สุดค่ะ ห้องที่ว่าเป็นห้องไม่ได้กว้างมากค่ะ ทุกคนที่เข้ามาจะต้องไปเข้าแถวเพื่อรอเข้าสัมภาษณ์ตามช่องต่างๆที่มีเจ้าหน้าที่กงสุลประจำการอยู่ ช่องก็จะคล้ายๆช่องแลกเหรียญของบีทีเอส มีกระจกปิดกั้นจนเกือบสนิท เหลือช่องให้พอสำหรับยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่กงสุลดูได้ และมีเจาะรูเล็กๆสำหรับให้เสียงรอดผ่านค่ะ และในห้องนั้นยังมีตู้ถ่ายรูปสำหรับคนที่เตรียมมาแต่ไม่ผ่านด้วยค่ะซึ่งก็มีคนไม่ผ่านจริงๆต้องมาถ่ายรูปใหม่ มีห้องน้ำกว้างๆ 1 ห้องให้เข้าสำหรับทำใจ (อันนี้เติมเอง) ซึ่งตัวฝนเองก็ไม่พลาดที่จะใช้บริการเจ้าห้องนี้ค่ะ
ก่อนจะถึงเวลาชี้ชะตา เราจะต้องยื่นใบ DS-160 พร้อมกับพาสปอร์ต ให้เจ้าหน้าที่คนไทยตรวจสอบก่อนค่ะ ตรงนี้เขาก็จะถามเราว่าไปอเมริกาทำไม เราก็บอกไปเที่ยวค่ะ ซึ่งระหว่างนี้จนท.เขาก็จะเปิดพาสปอร์ตของเราไปจนหมดทุกหน้าเลยค่ะ จากนั้นก็คืนเอกสารมาแล้วเราก็ต้องเอายื่นกับเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติพร้อมกับพิมพ์ลายนิ้วมือค่ะ เสร็จแล้วก็สูดลมหายใจลึกๆเตรียมเข้าสนามรบเลยจ้าๆๆ (เสียงกลองรัวๆ)
...ระหว่างที่รอเราก็จะได้ยินเสียงจนท.กงสุลสัมภาษณ์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษมีทั้งผิดหวัง และสมหวังคละเคล้าไปอย่างละครึ่งๆ บางคนก็ถามนาน ถามเจาะลึกลงครอบครัวทั้งที่ไปคนเดียว แต่บางคนก็ถามแป๊ปเดียว บางคนเจอขอดูเอกสารกางทุกแผ่น บางคนมาขอวีซ่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วก็ยังไม่ผ่านจนถึงขนาดถามกงสุลกลับไปว่าเขาจะทำยังไงถึงจะได้วีซ่า ช่วงแรกมีจนท.กงสุล 3 คนและฝนก็คิดว่าฝนได้เห็นกงสุลหญิงในตำนานที่บอกกันมาว่าโหด คนถัดมาคิดว่าเป็นกงสุลหญิงชาวเอเชียอาจจะเกาหลี และคนสุดท้ายเป็นกงสุลชายชาวเอเชียดูท่าทางใจดี(มั้ง)แต่ก็ปฏิเสธวีซ่ามิใช่น้อย^^+…แต่กว่าจะถึงคิวของเราช่องที่เปิดสัมภาษณ์จาก 3 ก็เหลือเพียงแค่ 2 เท่านั้นเพราะจู่ๆ กงสุลหญิงในตำนานก็ปิดช่องไปเหลือเพียงกงสุลจากชาวเอเชียทั้งคู่
กงสุลชาวเอเชีย ยิ้มให้ เรายิ้มตอบพร้อมยกมือไหว้
กงสุล : สวัสดีค่ะ (อ้าว...ทักเป็นภาษาไทยนี่ แล้วอังกฤษที่เตรียมมาละ งั้นก็ไทยกลับละกัน)
ฝน : สวัสดีค่ะ พร้อมยื่นเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไปให้ ผ่านช่องแต่กงสุลเอาแค่แฟ้มยืนยัน
DS160 และพาสปอร์ตไปเท่านั้น
DS160 และพาสปอร์ตไปเท่านั้น
กงสุล : ไปทำอะไรที่อเมริกาค่ะ
ฝน : ไปเที่ยวค่ะ
กงสุล : มีพาสปอร์ตเล่มเก่าไหมค่ะ
ฝน : มีค่ะ (พร้อมหยิบโชว์) และยื่นสอดเข้าไปในช่องแต่กงสุลไม่หยิบไปดู
กงสุล : ทำงานอยู่ที่ไหนค่ะ
ฝน : บริษัท XXX ค่ะ
กงสุล : ทำมากี่ปีแล้วค่ะ
ฝน : 3 ปี 2 เดือนค่ะ
กงสุล : ตำแหน่งอะไรค่ะ
ฝน : XXXXXXXXXXXXX กงสุลถึงกับยิ้มเพราะชื่อฝ่ายยาวมากกกก
กงสุล : ก่อนหน้านี้ทำที่ไหนมาค่ะ
ฝน : XXXXX ค่ะ
กงสุล : ใครออกค่าใช้จ่ายให้ค่ะ
ฝน : ค่าใช้จ่ายออกเองค่ะ
กงสุล : ทำไมถึงไปคนเดียวค่ะ
ฝน : ปกติไปกับพ่อค่ะ แต่พ่อไม่สบาย เลยทำให้ทริปตั้งแต่ปลายปีไปคนเดียวหมดเลยค่ะ
กงสุล : เรียบร้อยค่ะ
ฝน : ฮะ..เรียบร้อยแล้วเหรอค่ะ
กงสุล : ค่ะ เรียบร้อยค่ะ
ฝน : ทำหน้ามึนๆ ยิ้มๆ นึกว่าจะได้ยิน your visa was approve หรือรอรับวีซ่าภายใน 3
วันนะคะ เหมือนที่เคยอ่านรีวิว ...ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเดินออกมางงๆ นี่คือพี่ผ่าน
แล้วใช่มะ กรี๊ดค่ะ กรี๊ดในใจดังๆ แต่หน้าพี่คงเก็บไม่มิด คนที่เห็นคงรู้ว่าพี่ผ่าน เพราะ
หน้าพี่บานมากกกก วีซ่าผ่านแล้วโว้ยยยยยเย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
วันนะคะ เหมือนที่เคยอ่านรีวิว ...ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเดินออกมางงๆ นี่คือพี่ผ่าน
แล้วใช่มะ กรี๊ดค่ะ กรี๊ดในใจดังๆ แต่หน้าพี่คงเก็บไม่มิด คนที่เห็นคงรู้ว่าพี่ผ่าน เพราะ
หน้าพี่บานมากกกก วีซ่าผ่านแล้วโว้ยยยยยเย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
3 วันผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดพาสปอร์ตก็เดินทางมาถึงเราซะที มาลุ้นกันค่ะได้มากี่ปี แถ่น แถ่น แถนนนนน 10 ปีคร๊าๆๆๆๆๆ จุดพลุตะไลไฟเพนียงกันเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น