...สถานที่ๆแรกที่เราตั้งใจไปเยือนก็คือ King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square ซึ่งวันที่เราเดินทางไปถึงตรงกับวันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่นค่ะ
จัตุรัสนี้สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสถานที่เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซ็ตส์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในขณะที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล พระบรมราชชนก ทรงศึกษาอยู่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
จัตุรัสแห่งนี้ เป็นจัตุรัสเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในย่านฮาร์วาร์ด หาไม่ยากเลยค่ะจาก Harvard Square เดินลงไปทางใต้ผ่าน Eliot Square ลงไปเล็กน้อยประมาณ 4-5 นาทีก็จะถึงจัตุรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ก่อนที่จะเดินไปทาง เราแวะซื้อดอกไม้ 2 ช่อเพื่อไปถวายสักการะด้วยค่ะ ซึ่งตอนที่เราเข้าไปซื้อเจ้าของร้านเห็นเราหยิบดอกไม้สีเหลืองก็ถามเลยค่ะ ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของพระมหากษัตริย์คุณใช่ไหม เราก็ตอบไปว่าใช่ค่ะ วันนี้เป็นวันครบรอบที่พระองค์เสด็จสวรรคต 2 ปี ไม่เพียงเท่านี้ เจ้าของร้านยังบอกด้วยว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมมาก เราโคตรดีใจเลยค่ะ ที่ได้ยินคำนี้จากชาวต่างชาติ
จากนั้นเราใช้เวลา 15-20 นาทีเดินเท้าต่อไปยังโรงพยาบาลเม้าท์ออเบิร์น (Mount Auburn Hospital) ซึ่งเป็นสถานที่อีกหนึ่งแห่งที่เราตั้งใจมากๆ ที่จะมาเยือนสถานที่แห่งนี้ในวันที่พระองค์ท่านเสด็จกลับคืนสู่ฟากฟ้าแล้ว โดยเดินไปตามถนน Bennett Street จนไปบรรจบกับถนน University Rd จากนั้นเลี้ยวขวาเดินไปจนสุดถนนจะเจอถนน Mt Auburn St ให้เลี้ยวซ้ายเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ก็จะเจอโรงพยาบาล โดยฝนใช้ Google Map นำทางค่ะซึ่งตอนที่มองในแผนที่แล้วพิกัดระบุว่าใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วภายในใจมันโหวงเหวงพิลึก แถมตอนที่ไปถึงที่โรงพยาบาลบรรยากาศเริ่มโพล้เพล้ อากาศเริ่มเย็นลงแต่ที่ป้ายด้านหน้าโรงพยาบาลเราก็เจอคนไทย 3 คนที่ตั้งใจมาเหมือนเราค่ะ
ฝนเดินเข้าไปในโรงพยาบาลพยายามมองหาเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะถามว่าส่วนจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระองค์ท่านอยู่ตรงไหน ฝนเดินหาจนจะทั่วโรงพยาบาล หาจนเริ่มท้อ คิดในใจว่าจะต้องกลับมาในวันพรุ่งนี้อีกใช่ไหม แต่ในที่สุดเหมือนมีอะไรมาดลใจให้ฝนเดินผ่านเคาน์เตอร์ติดต่อสอบถามแล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกหน่อยก็จะเจอบอร์ดนี้อยู่ค่ะ มันดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ฝนนำช่อดอกไม้ที่เตรียมมาเข้าไปกราบพระองค์ท่าน นาทีนั้นน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว แต่ก็พยายามกลั้นไว้เพราะกลัวจะร้องไห้ดังมาก และที่แห่งนี้ฝนมีโอกาสได้เขียนหนังสือน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณซึ่งเมื่อพลิกไปหน้าต่างๆก็พบว่าคนไทยมาเยือนสถานที่แห่งนี้ในวันที่ 13 ตุลาคมเยอะมากค่ะ...
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่จุดนี้พอสมควร เราก็เดินออกมานอกตัวอาคารเพื่อตามหาอาคารที่เป็นสถานที่พระราชสมภพ ก็เดินด้นไปเรื่อยค่ะ เพราะไม่มีใครให้ถามเลย โรงพยาบาลที่นี่เงียบจนตกใจ แทบจะไร้ซึ่งผู้คนไม่เหมือนที่บ้านเราเลยค่ะ
....ในที่สุดฝนก็หาจน อาคารหลังนี้ถ้าหันหน้าเข้าโรงพยาบาลจะอยู่ทางด้านขวามือติดถนน และเมื่อมองขึ้นไปข้างบนก็จะพบกับห้องที่มีหน้าต่างกรุด้วยกระจกใสสูง 3 ช่อง ห้องที่เราดั้นด้นตามรอยมาถึงที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมองลงมาที่พื้นดินด้านลงก็จะพบกับป้ายจารึกประวัติศาสตร์ความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ของมูลนิธิ The King of Thailand Birthplace Foundation
นาทีนั้นน้ำตาฝนก็ไหลออกมา พร้อมกับปล่อยโฮเสียงดังอย่างไม่อายใครเลยค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน และมันเป็นเหมือนกันการย้ำเตือนกับตัวเองว่าพระองค์ท่านจากไป 2 ปีแล้ว จากไปแล้วจริงๆ แต่ฝนก็ดีใจที่ครั้งหนึ่งเราได้ทำตามความตั้งใจไว้ที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะต้องมาโรงพยาบาลแห่งนี้ ไปจัตุรัสในหลวงให้ได้ค่ะ ซึ่งในที่สุดความฝันของฝนก็เกิดขึ้นจริงๆ...
หลังจากที่ปรับอารมณ์ของตัวเองให้เข้าสู่ภาวะปกติได้แล้ว เราก็เดินมารอขึ้นรถเมล์สาย 71 หรือ 73 กลับไป Harvard Square เพื่อร่วมพิธีน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ณ จัตุรัส
King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square
เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม เวลาท้องถิ่น วันนี้เราตั้งใจที่จะไปตามรอยสถานที่ประทับต่างๆ ที่ราชสกุลมหิดลทรงประทับ โดยที่แรกฝนเดินทางไปที่บ้านที่ประทับ 63 Longwood Ave, Brookline
เช้านี้อากาศสดใส แสงแดดดีมากเลยค่ะ เราเดินจากที่พักไปยัง King Bhumibol Adulyadej of Thailand Square อีกครั้ง เพราะเมื่อวานกว่าจะมาถึงฟ้าก็ครึ้ม พื้นก็แฉะด้วยฝนในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
บ้านที่ประทับ 63 Longwood Ave, Brookline, MA
จากนั้นเรานั่งรถเมล์สาย 66 จากป้าย Harvard Sq @ Garden St - Dawes Island ปลายทาง Dudley via Allston เพื่อจะไปลงสถานี Coolidge Corner แต่เอาเข้าจริงๆ ฝนลงก่อน 1 ป้ายค่ะ แต่ไม่เป็นไรการเดินทำให้เราเห็นความเป็นอยู่ของเมือง Brookline มากขึ้นค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่ติดกับเคมบริดจ์นั่งรถมาประมาณ 20 นาทีก็ถึงค่ะ เรายังคงใช้ Google Map นำทางเช่นเดิมค่ะ
อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้เป็นสถานที่ๆ พระบรมราชชนกทรง พระบรมราชชนนี ประทับในห้องใดห้องหนึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ.1926 ถึง ค.ศ.1928 ร่วมกับพระราชธิดา พระราชโอรสทั้ง 3 พระองค์เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ขณะที่ทรงประทับที่บ้านเช่าหลังนี้พระบรมราชชนกทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสมเด็จพระราชชนนี ทรงศึกษาวิชาพยาบาล และคหกรรมศาสตร์จากวิทยาลัยซิมมอนล์ และโรงพยาบาลใกล้เคียง จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1928 ครอบครัวของพระองค์ท่านเสด็จกลับประเทศไทย
ภายในอาคารแห่งนี้บริเวณโถงประตูทางเข้าทางมูลนิธิได้นำข่าวการเสด็จเยือนสถานที่แห่งนี้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาติดตั้งไว้เพื่อด้วยค่ะ
ต่อมาเรานั่งรถเมล์สาย 66 กลับไปยังฮาร์วาร์ด เพื่อเดินเท้าไปตามรอยอาคารเลขที่ 44 ถนนแลงดอน เมืองเคมบริดจ์ อันเป็นบ้านที่ประทับของสมเด็จย่า เราเดินตามถนน Massachusetts Ave จนกระทั่งเจอ 3 แยกตัดถนน Langdon St ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Langdon St เดินไปอีกมองทางซ้ายมือแล้วจะเจอบ้านที่ประทับของพระองค์ท่าน
อาคารหลังนี้เป็นที่ตั้งสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนทุนของไทยในสหรัฐอเมริกาซึ่งหนึ่งในกลุ่มนักเรียนทุนนั้นคือ นางสาวสังวาลย์ ตะละภัฏ พระนามเดิมก่อนที่ต่อมาจะอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช และได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีขณะนั้นนางสาวสังวาลย์ ได้รับทุนการศึกษาจากสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ให้มาศึกษาวิชาพยาบาล และเดินทางโดยรถไฟจากซานฟรานซิสโก มาถึงบอสตันพร้อมกับคณะนักเรียนทุนอีก 8 คน ในตอนค่ำวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1918 เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช เสด็จมาต้อนรับนักเรียนทุนเหล่านี้ที่สถานีรถไฟ South Station (ถือว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกของพระบรมราชชนกและสมเด็จย่า) หลังจากนั้นได้ทรงนำคณะนักเรียนไปพักที่โรงแรมแบรตเทิล เลขที่ 48 ถนนแบรตเทิล โดยนางสาวสังวาลย์ ตอนหลังย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 44 ถนนแลงดอน และพักอยู่ที่นี่จนถึงวันที่ 28 กันยายน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1921 ถึง ค.ศ.1927
นอกจากนี้ อาคารหลังนี้ยังเป็นที่ตั้งของสมาคมสยาม ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยสมาคมแรกในประเทศสหรัฐอมริกา ก่อตั้งภายใต้การทรงนำของเจ้าฟ้ามหิดุลอดุลเดช พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) กับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ทรงเป็นพระราชวงค์พระองค์แรกของไทยที่ทรงศึกษาในสหรัฐอเมริกา
บ้านที่ประทับ 15 Berkeley St, Cambridge, MA
จากถนน Langdon St ให้เดินขึ้นมาจนเจอทางแยกให้เลี้ยวซ้ายมาตามถนน Langdon St กระทั่งเจอสามแยกให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน Chauncy St เดินตรงขึ้นมาเรื่อยๆจนเจอสี่แยกให้ข้ามแยกไปฝั่งตรงข้ามเข้าถนน Arsenal Sq แล้วเดินเข้าถนน Concord Ave แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Berkeley St แล้วจะเจอบ้านเลขที่ 15 บนถนนเบิร์คลี่ ของเมืองเคมบริดจ์ แต่เมื่อเดินตาม Google Map แล้วจะนำทางเรามาถึงแค่ถนน Concord เมื่อสุดจาก GPS นี้เราจะต้องเดินขึ้นมาประมาณ 100 เมตรจากให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Berkeley St เดินไปเรื่อยๆค่ะ จะพบบ้านที่ประทับของสมเด็จย่าอยู่ทางด้านซ้ายมือ
บ้านเลขที่ 11 Hawthorn St, Cambridge, MA
จากนั้นเราเดินลัดเลาะผ่านมหาวิทยาลัย Lesley วิทยาเขต Brattle เพื่อจะไปตามรอยราชสกุลมหิดลยังบ้านเลขที่ 11 บนถนนฮอร์ธอร์น เมืองเคมบริดจ์นั้นเองค่ะ ทั้งนี้ จากข้อมูลของมูลนิธิ KTBF ระบุว่าบ้านหลังนี้แต่เดิมตั้งอยู่บนหัวมุมถนน Brattle ตัดกับ Church streets โดยพระบรมราชชนกขณะดำรงพระยศเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ทรงประทับอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1916 – 1918 ขณะทรงศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปัจจุบันข้อมูลที่เราค้นพบบน Google ระบุว่าบ้านหลังนี้กลายเป็นคลินิกรักษาผู้ป่วยไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
บ้านเลขที่ 11 Story St, Cambridge, MA
จากถนน Hawthorn St ให้เดินตรงขึ้นมาตามถนนนี้ผ่านสามแยก (ถนน Acacia St) จนไปเจอสี่แยกถนน Mt Auburn St ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเส้นนี้ผ่านสี่แยกให้เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ สังเกตซ้ายมือมองหาป้ายถนน Story St เมื่อเจอให้เลี้ยวซ้ายเดินเข้าไปเกือบ 200 เมตร จะเจอบ้านที่ประทับของพระบรมราชชนกอยู่ซ้ายมือค่ะ
เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ทรงย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ในปี ค.ศ.1918 หลังจากที่สร้างเสร็จ พระองค์ทรงประทับที่บ้านหลังนี้ จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาสาธารณสุขศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี ค.ศ.1919
มาถึงบรรทัดนี้แล้วถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นตามรอยราชสกุลมหิดล และสถานที่พระราชสมภพของในหลวงอันเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทย แม้จะยังไม่ครบถ้วนทั้งหมดแต่หากมีโอกาสอีกครั้งคงจะได้ไปตามรอยบ้านที่ประทับอีก 3 แห่งซึ่งอยู่ไกลออกไปจากเมืองเคมบริจด์อันได้แก่ บ้านที่ประทับ 49 Cedar Rd เมือง Belmont, บ้านที่ประทับ 3 Page St, เมือง Gloucesterและบ้านที่ประทับ 703 Main St เมือง Vineyard Haven รัฐแมสซาชูเซทส์
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น